บริการให้คำปรึกษาเรื่อง JAMA JAPIA Automotive Cybersecurity

ในยุคที่เทคโนโลยี และการเชื่อมต่อดิจิทัลในยานยนต์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความปลอดภัยทางไซเบอร์กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่สามารถมองข้ามได้ มาตรฐาน JAMA (Japan Automobile Manufacturers Association) และ JAPIA (Japan Auto Parts Industries Association) จึงได้พัฒนา Automotive Cybersecurity Guideline เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สามารถปกป้องระบบ และข้อมูลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

ใครบ้างที่ต้องปฏิบัติตามแนวทาง JAMA JAPIA Automotive Cybersecurity?

  1. ผู้ผลิตรถยนต์ (OEMs – Original Equipment Manufacturers):
    ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีการพัฒนารถยนต์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือระบบดิจิทัล จำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
  2. ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (Suppliers and Tier 1/Tier 2 Suppliers):
    บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัล เช่น ระบบ Infotainment, ECU (Electronic Control Unit) ต้องปฏิบัติตามแนวทางเพื่อให้มั่นใจว่าชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นมีความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์
  3. บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ (Automotive Software and Technology Providers):
    บริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์ และโซลูชันเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ต้องแน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาไม่มีช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีได้
  4. บริษัทในห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ (Automotive Supply Chain Companies):
    บริษัทที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หรือผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและกระบวนการ

ระยะเวลาที่แนะนำสำหรับการปฏิบัติตามแนวทาง JAMA JAPIA

แม้ว่า JAMA และ JAPIA จะไม่ได้กำหนดวันที่บังคับใช้ที่ชัดเจน แต่กระบวนการปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ควรเริ่มต้น และดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยมีระยะเวลาที่แนะนำ ดังนี้:

  • การเตรียมความพร้อม (Preparation Phase): 3-6 เดือน
    วิเคราะห์ช่องโหว่ และประเมินความเสี่ยงทางไซเบอร์ในระบบ และชิ้นส่วนต่าง ๆ
  • การพัฒนามาตรการควบคุมความปลอดภัย (Control Development Phase): 6-12 เดือน
    พัฒนามาตรการควบคุมความปลอดภัย เช่น การออกแบบระบบที่มีความปลอดภัย และการทดสอบความปลอดภัย
  • การฝึกอบรม และการทดสอบความปลอดภัย (Training and Testing Phase): 3-6 เดือน
    การฝึกอบรมพนักงาน และทดสอบความปลอดภัยของระบบยานยนต์
  • การประเมิน และตรวจสอบผล (Evaluation and Review Phase): 3-6 เดือน
    การตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบภายนอก

ตัวอย่างข้อกำหนดที่สำคัญใน JAMA JAPIA Automotive Cybersecurity

การปฏิบัติตามแนวทาง JAMA JAPIA Automotive Cybersecurity มีข้อกำหนดที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การใช้บริการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้บริษัทของคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางไซเบอร์ และการประเมินช่องโหว่ (Cyber Risk Assessment and Vulnerability Assessment):
    การประเมินความเสี่ยง และช่องโหว่ในระบบที่เชื่อมต่อกับยานยนต์ ซึ่งต้องใช้การประเมินเชิงลึก และเครื่องมือเฉพาะทาง
  • การพัฒนามาตรการควบคุม และป้องกัน (Development of Cybersecurity Controls and Preventive Measures):
    การออกแบบ และพัฒนามาตรการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เหมาะสมกับระบบยานยนต์ รวมถึงการพัฒนาโค้ดที่ปลอดภัย และการทดสอบความปลอดภัยของระบบ
  • การวางแผน และจัดการเหตุการณ์ทางไซเบอร์ (Cybersecurity Incident Response Planning and Management):
    การเตรียมแผนรับมือ และการฝึกซ้อมเหตุการณ์ทางไซเบอร์ เพื่อให้บริษัทพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
  • การทดสอบการเจาะระบบ (Penetration Testing):
    การจำลองการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ และค้นหาช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี

 

 


ACinfotec พร้อมนำเสนอบริการให้คำปรึกษา Automotive Cybersecurity ตามมาตรฐาน JAMA JAPIA เพื่อให้บริษัทของคุณสามารถปฏิบัติ

  1. การประเมินความเสี่ยงทางไซเบอร์ (Cyber Risk Assessment):
    ระบุและประเมินความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบยานยนต์ พร้อมวางแผนการจัดการความเสี่ยง
  2. การพัฒนามาตรการควบคุมความปลอดภัย (Cybersecurity Controls Development):
    พัฒนามาตรการควบคุมและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงการออกแบบระบบที่มีความปลอดภัยสูง
  3. การฝึกอบรมและการทดสอบความปลอดภัย (Training & Security Testing):
    ฝึกอบรมบุคลากรและทดสอบความปลอดภัยเพื่อประเมินความสามารถของระบบและเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
  4. การจัดการเหตุการณ์และการตอบสนอง (Incident Response Management):
    จัดทำแผนการจัดการเหตุการณ์ทางไซเบอร์และแผนการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพเพื่อฟื้นฟูระบบหลังจากเกิดเหตุการณ์
  5. การตรวจสอบและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง (Continuous Monitoring & Evaluation):
    ติดตามและตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าระบบยังคงมีความปลอดภัยสูงสุด

ทำไมต้องเลือก ACinfotec?

  • ความเชี่ยวชาญในด้าน Cybersecurity: ด้วยประสบการณ์กว่า 21 ปี ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และมาตรฐาน JAMA JAPIA
  • การให้คำปรึกษาแบบครบวงจร: ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมิน การพัฒนา การฝึกอบรม ไปจนถึงการตรวจสอบ และตอบสนองต่อเหตุการณ์
  • ความเข้าใจในตลาดและความต้องการของลูกค้า: เรามีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำ และสามารถนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง

หากคุณสนใจบริการของเรา และต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาเพื่อปฏิบัติตามแนวทาง Automotive Cybersecurity ตามมาตรฐาน JAMA JAPIA โปรดติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี!